น่าห่วง!10 เมษาโควิดเสียชีวิต33ราย

สถาณการณ์-โควิด 10 เมษา 63

หยุดโควิด อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ!

          

วันนี้ (10 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แถลงถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ณ ทำเนียบรัฐบาล ว่า

ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 

        (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ป่วยเพิ่ม 50 คน ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยสะสม 2,473 คน กระจายใน 68 จังหวัดทั่วประเทศ รักษาหายแล้ว 1,013 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 33 ราย

        ผู้เสียชีวิตรายที่ 33 ของประเทศ - เป็นหญิงไทย อายุ 43 ปี อาชีพค้าขาย มีโรคประจำตัวคือ SLE หรือแพ้ภูมิตัวเอง ได้รับการรักษาเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ช่วงแรกรับเข้ารักษามีอาการหายใจหอบเหนื่อย พบปอดอักเสบรุนแรง และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เม.ย. แต่ผลแล็บเพิ่งออกมาเมื่อวานนี้ (9 เม.ย.)

กลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 50 คน มีรายละเอียด ดังนี้

          กลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อนหน้า 27 ราย (ส่วนใหญ่ กทม. 11 ราย ยะลา 7 ราย)

คนไทยที่กลับจากต่างประเทศ 3 ราย (อังกฤษ 2 สหรัฐอเมริกา 1 ราย)

ไปสถานที่ชุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 3 ราย

อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด หรือทำงานใกล้ชิดสัมผัสชาวต่างชาติ ฯลฯ 5 ราย

บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4 ราย

อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 8 ราย (ค้นหาเชิงรุก จ.ภูเก็ต 4 ราย)

สำหรับ 9 จังหวัดที่ยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย คือ กำแพงเพชร, ชัยนาท, ตราด, น่าน, บึงกาฬ, พิจิตร, ระนอง, สิงห์บุรี และ อ่างทอง

         สรุปแล้ววันนี้ ผู้ป่วยกลับบ้านได้เพิ่ม 73 คน รวมหายแล้ว 1,013 คน รักษาตัวอยู่ รพ. 1,427 คน เสียชีวิตแล้วรวม 33 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 2,473 ราย

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) และการแพร่กระจาย

รู้จักโควิด?

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) 

เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่

โรคนี้ทำให้เกิดอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ (เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่) โดยมีอาการอย่างเช่น ไอ เป็นไข้ และหายใจลำบากในรายที่มีอาการรุนแรง คุณป้องกันตัวเองได้ด้วยการล้างมือบ่อยๆ ไม่เอามือสัมผัสใบหน้า และหลีกเลี่ยงการพบปะใกล้ชิด (ระยะ 1 เมตรหรือ 3 ฟุต) กับคนที่ไม่สบาย

การแพร่กระจายของเชื้อไวรัส

โดยหลักแล้ว โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาแพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่ไอหรือจามออกมา รวมถึงการสัมผัสพื้นผิวหรือวัตถุที่มีไวรัสอยู่ แล้วไปสัมผัสดวงตา จมูก หรือปากของตัวเอง

อัปเดตทั่วโลกโควิด-19 ของวันที่ 28 มี.ค63

ทั่วโลกติดเชื้อ ‘โควิด-19’ พุ่งสูง 597,267 ราย

อัปเดตโควิด-19 ต่างประเทศน่าเป็นห่วงมาก!!

       “จอห์น ฮอปกินส์” เผย ยอดผู้ติดเชื้อ “โควิด-19” ทั่วโลกพุ่งสูง 597,267 ราย สหรัฐติดเชื้อสูงสุด 101,657 ราย ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีน มีเพิ่ม 54 ราย มาจากต่างประเทศ

     มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานในวันนี้ว่า ข้อมูลเมื่อเวลา 07.00 น.ตามเวลาไทยวันนี้  จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่  (โควิด-19) ทั่วโลก  อยู่ที่  597,267 ราย โดยสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกที่ 104,205 ราย รองลงมาได้แก่จำนวนผู้ติดเชื้อในอิตาลีที่ 86,498 ราย และในจีนที่ 81,897 ราย

ส่วนจำนวนผู้ติดโควิด-19 ที่อยู่ในอันดับต้นๆของโลก มีสเปน 65,719 ราย เยอรมนี 50,871 ราย ฝรั่งเศส 33,402 ราย อิหร่าน 32,332 ราย อังกฤษ 14,745 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 12,928 ราย และเกาหลีใต้ 9,332 ราย

ด้าน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (เอ็นเอชซี) แถลงวันนี้ว่า ข้อมูลวันศุกร์ที่ 27 มี.ค. มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 54 ราย โดยทั้งหมดเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ โดยจีนไม่พบผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระบาดภายในประเทศ

สำหรับยอดรวมผู้ติดเชื้อทั้งหมดในจีนอยู่ที่ 81,394 ราย โดยเป็นยอดรวมผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศทั้งสิ้น 649 ราย และรวมถึงผู้ป่วยจำนวน 3,128 รายที่กำลังอยู่ในระหว่างการรักษา ขณะที่ยอดผู้ป่วยที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากมีอาการดีขึ้นแล้วนั้นอยู่ที่ 74,971 ราย

ขอขอบคูุณข้อมูล

กรุงเทพธุรกิจ

อัปเดตโควิด 28 มี.ค 63

อัปเดตโควิด 28 มี.ค 63

ไทยพบผู้ป่วยใหม่ 'โควิด' 109 ราย สะสม 1,245 ราย เสียชีวิต 6 ราย

ด่วน ไทยติดเชื้อเพิ่ม 109 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมยอดสะสม 1,245 ราย เสียชีวิต 6 รายพบลามไปแล้ว 57 จังหวัด กทม.อ่วมหนัก ติดแล้ว 515 ราย

วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าว สถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประจำวันนี้ โดยระบุว่าวันนี้ ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 109 ราย รวมยอดสะสม 1245 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 6 ราย โดยเคสผู้ป่วยที่เสียชีวิตใหม่ 1 ราย เป็นผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัว คือ เบาหวานร่วมด้วย

น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ไม่ได้มีการประชุม แต่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้สั่งการให้แถลงข่าวในสิ่งที่ ศบค. ติดตามงาน รวมถึงนายกรัฐมนตรี ก็ได้ฝากขอบคุณทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะทีมแพทย์ ที่ร่วมกันต่อสู้ เพื่อหยุดการแพร่ระบาด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังฝากให้ประชาชน พร้อมใจกันอยู่บ้าน

สำหรับการรายงานสถานการณ์ประจำซึ่งมีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 109 ราย ทำให้มียอดสะสม 1,245 รายนั้น สถานการณ์ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ ทางศูนย์โควิดฯ จึงได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ขอความร่วมมือกับประชาชนในการเฝ้าระวัง

ขอขอบคุณข้อมูล

จาก กรุงเทพธุรกิจ

ผงกระดูกอ่อนปลาฉลาม

ผงกระดูกปลาฉลาม

ภูมิแพ้ในเด็ก

ลูกเป็นภูมิแพ้ควรเสริมอะไรดี

กระดูกอ่อนปลาฉลาม

ผงกระดูกอ่อนปลาฉลาม

ประโยชน์มีดังนี้

ประโยชน์ของ..ผงกระดูกอ่อนปลาฉลาม

1.ลดอาการอักเสบของผิวหนัง

2.สร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง
3.ดูแลภูมิแพ้ในเด็ก

คอลลาเจนจากปลาทะเล 

          เสริมสร้างเนื้อเยื่อและอิลาสติน ให้กับผิวได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มความยืดหยุ่น กระชับให้กับผิว และยังช่วยให้ผิวอุ้มน้ำได้มากขึ้น ส่งผลให้ผิวชุ่มชื้น

แคลเซียม แอสคอร์เบท ( Calcium Ascorbate )

         แคลเซี่ยมแอสคอร์เบต มีคุณสมบัติเหมือนวิตามินซี ทุกประการ แต่แตกต่างตรงที่ไม่เป็นกรด เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ จึงจำเป็นต้องได้รับโดยการรับประทานเข้าไป วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยเพิ่มภูมิคุ้นกันในร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยดูแลภูมิแพ้ในเด็ก เพราะสามารถป้องกันและรักษาอาการอักเสบอันเนื่องมาจากแบคทีเรียและไวรัสได้จะช่วยลูกเป็นภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี

-เป็นตัวสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน 

   ทั้งยังเป็นตัว   สร้างกระดูก ฟัน และหลอดเลือดให้แข็งแรง

-ช่วยให้แผลสดและแผลไฟใหม้หายเร็วขึ้น

-ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างเม็ดเลือดทางอ้อม 

-ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์

-ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด

ประโยชน์ผลฝักข้าว

ผลฝักข้าว 

ดี! อย่างไร...?

ประโยชน์ผลฝักข้าว

- ถูกนำมาใช้ในการบำรุงรักษาสุขภาพมาตั้งแต่สมัยโบราณ   

- ซึ่งช่วยฟื้นฟูร่างกายในระดับเซลล์  

- ป้องกันการทำลาย DNA จากอนุมูลอิสระ 

- ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย 

- ในอดีตมักถูกใช้สำหรับส่งเสริมการเจริญเติบโตของเด็ก     

- ช่วยดูแลอาการลูกเป็นภูมิแพ้ 

- รักษาโรคตาบอดกลางคืน 

- ใช้ทาแผลที่ติดเชื้อ 

- เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

ลูกเป็นภูมิแพ้

 ลูกเป็นภูมิแพ้

ป้องกันอย่างไร..?

ภูมิแพ้ในเด็ก

รู้จักกับโรคภูมิแพ้ในเด็กกันก่อนนะคะ

        ภูมิแพ้จะเป็นโรคเรื้อรัง แต่ถ้าหากรู้สาเหตุของการแพ้อย่างชัดเจนและพยามหลีกเลี่ยง ตลอดจนหมั่นดูแลร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอย่อมช่วยให้บรรเทาอาการที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี

บุตรหลานของท่านเป็นโรคภูมิแพ้ด้วยหรือไม่?

มีข้อให้สังเกตุประการใดบ้าง ?

     โรคภูมิแพ้ เกิดได้จาก กรรมพันธุ์ มลภาวะ สูบบุหรี่ 
ขาดการออกกำลังกาย

           แต่ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน

          ยับยั้ง การเกิดภูมิแพ้ 
          เหมาะสำหรับคุณที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้

          ไม่มีเวลาออกกำลังกาย สิ่งนี้ช่วยให้หายขาด

โรคภูมิแพ้เป็นอย่างไร

โรคภูมิแพ้ 

(Allergy) 

โรคภูมิแพ้เป็นอย่างไร

          โรคภูมิแพ้ (Allergy)  

  เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกาย  

ที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ    

ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับอวัยวะที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ   

ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกัน

และความรุนแรงไม่เท่ากัน    

เพราะชนิดของสารก่อภูมิแพ้
ที่ได้รับ

และการตอบสนองของร่างกาย 

แต่ละบุคคลต่างกัน  

ประเภทสารก่อภูมิแพ้

ประกอบด้วย 2 ประเภทหลัก คือ

1.สารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อมและอากาศ

 เช่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสร แมลงสาบ เชื้อรา อื่นๆ

 2.สารก่อภูมิแพ้ประเภทอาหาร เช่น นม ไข่ ถั่ว แป้งสาลี อาหารทะเล     อื่นๆ

รู้จักภูมิแพ้

ภูมิแพ้

โรคภูมิแพ้ 

เกิดจาก

โรคภูมิแพ้ เกิดได้จาก กรรมพันธุ์ 
มลภาวะ 
ขาดการออกกำลังกาย

    

             ซึ่งท่านอาจจะเคยได้ยินว่า...
เด็กสมัยนี้เป็นโรคภูมิแพ้กันเยอะมากขึ้น 
และจะสงสัยว่าบุตรหลานของท่าน
เป็นโรคภูมิแพ้ด้วยหรือไม่  
จะมีข้อให้สังเกตประการใดบ้าง  
เริ่มตั้งแต่อายุไม่กี่เดือน 

          ทั้งนี้อาการแพ้มักจะเกิดขึ้นกับคนที่มีแนวโน้มจะเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว โดยสังเกตุจากประวัติที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้     การเริ่มให้อาหารหรือเปลี่ยนอาหารให้กับเด็กเล็กจึงควรทำด้วยความระมัดระวัง ค่อยๆ เริ่มทีละชนิด  เด็กบางคนแพ้นมวัว เกิดมีอาการอาเจียน ท้องเสีย บางคนมีอาการมากจนถ่ายเป็นเลือดได้ บางคนทานนมแล้วมีผื่นแบบรุนแรง จะมีอาการหอบเหนื่อย บางคนแพ้รุนแรงจนช็อค หยุดหายใจ และหมดสติ อาหารชนิดอื่นเช่น ไข่   ถั่วเหลือง    แป้งสาลี   สามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้เช่นเดียวกับนมวัว  

           มีโรคภูมิแพ้บนผิวหนังอีกชนิดหนึ่งที่จะพบได้ในเด็กเล็ก  จะเกิดเป็นผื่นแดงคัน ขึ้นบนแก้ม ลำคอ แขน ขา เหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย มักจะเริ่มเป็นตั้งแต่เด็กอายุ 3-4 เดือน เวลาที่ผื่นลุกลามรุนแรงขึ้น จะมีสีแดงจัดและมีน้ำเหลืองเยิ้ม  เด็กที่มีผื่นในลักษณะนี้บางคนมีอาการกำเริบเวลาอากาศแห้งหรือหลังทานอาหารบางชนิดเช่นไข่และนมวัว  บางรายอาจแพ้ไรฝุ่น เด็กบางคนจะมีผื่นแบบนี้ไปจนอายุ 4-5 ขวบ แต่ความรุนแรงมักจะลดลงเมื่อโตขึ้น

             เมื่อเด็กเริ่มโตขึ้นอีกหน่อยในช่วง 2-5 ขวบ   โรคภูมิแพ้แบบที่โดยทั่วไปรู้จักในชื่อโรคแพ้อากาศจะเริ่มปรากฎชัดขึ้น  โดยเด็กจะมีอาการเหมือนเป็นหวัด แต่จะเป็นบ่อยมากเกือบทุกเดือน หรือมีอาการนานเกินกว่า 10 วัน อาการที่เด่นชัดเช่นอาการคันจมูก ชอบขยี้จมูก จามหลายครั้งติดกันตอนเช้า บางคนมีอาการคันตาชอบขยี้ตาร่วมด้วยเมื่อมีอาการของโรคแพ้อากาศ  (ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเกิดจากการแพ้สารปนเปื้อนในอากาศ)   เป็นระยะเวลานานๆ จะกระตุ้นให้ต่อมทอนซิลและดีนอยด์ ในช่องคอโต เกิดการหายใจลำบาก หายใจมีเสียงดังวี้ด นอนกรน นอนหลับไม่สนิท หยุดหายใจ เกิดผลกระทบต่อหัวใจและปอดในระยะยาว   บางรายมีไซนัสอักเสบเรื้อรัง บางครั้งเราสามารถจะบอกโรคได้  จากใบหน้า   ก็มีเพราะเด็กที่เป็นโรคแพ้อากาศ  มักมีรอยย่นสีคล้ำใต้ตา  มีรอยย่นบนสันจมูก  มีกระดูกโหนกแก้มแบน   ฟันบนที่ด้านหน้ายื่นและมักหายใจทางปากมากกว่าทางจมูก

นายแพทย์วรวิชญ์  เหลืองเวชการ

กุมารแพทย์ด้านโรคภูมิแพ้